สุขภาพ

สัญญาณและอาการของก้อนเลือดที่คุณไม่ควรละเลย | สัญญาณลิ่มเลือด: จากการเปลี่ยนแปลงของสีผิวไปจนถึงการอักเสบอย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณของก้อนเลือดเหล่านี้

นิวเดลี: เมื่อใดก็ตามที่คุณได้รับบาดเจ็บ (บาดเจ็บ) หรือถูกบาดผิวหนังจะเริ่มมีเลือดออก ในช่วงเวลานี้การแข็งตัวของเลือดถือว่าดีเพราะลิ่มเลือดช่วยในการป้องกันเลือดออกมากเกินไป เซลล์และโปรตีนในเลือดจะรวบรวมและก่อตัวเป็นก้อนเพื่อป้องกันเลือดออก แต่ถ้าก้อนเลือดนี้ไม่ละลายโดยอัตโนมัติ (ถ้าก้อนเลือดไม่ละลาย) หรือมันเริ่มก่อตัวในอวัยวะหรือในเส้นเลือดภายในร่างกายก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน

ระบุสัญญาณของก้อนเลือด

เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องระบุสัญญาณของก้อนเลือดเหล่านี้เพื่อให้สามารถรักษาได้ทันเวลาและป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายถึงชีวิต หากลิ่มเลือดสะสมในหลอดเลือดแดงอาจเกิดอาการหัวใจวายได้ หากเคยมีปัญหาก้อนในปอดจะเรียกว่าเส้นเลือดอุดตันในปอดและหากก้อนเลือดเริ่มก่อตัวขึ้นในหลอดเลือดดำใด ๆ ของร่างกายจะเรียกว่า Deep vein thrombosis (DVT)

อ่านเพิ่มเติม – น้ำว่านหางจระเข้สามารถบรรเทาทุกปัญหาตั้งแต่อาการท้องผูกไปจนถึงอาการระคายเคืองที่หน้าอก

1. อาการบวมที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย – เมื่อเลือดหยุดไหลเนื่องจากลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำหรือเส้นเลือดของร่างกาย (Blood flow) จะเริ่มมีอาการบวมที่ส่วนนั้นของร่างกาย (Swelling) หากมีอาการบวมที่ขาส่วนล่างแสดงว่าเป็นสัญญาณของ DVT แม้ว่าปัญหาลิ่มเลือดจะหายขาดแล้ว แต่ 1 ใน 3 คนยังคงมีปัญหาอาการบวมและปวด

2. การเปลี่ยนแปลงของสีผิว – หากมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นที่เส้นเลือดที่มือหรือเท้าผิวหนังของส่วนนั้นจะกลายเป็นสีแดงหรือสีน้ำเงิน (ผิวหนังเป็นสีแดงหรือสีน้ำเงิน) บางครั้งสีผิวก็เปลี่ยนไปเนื่องจากความเสียหายของหลอดเลือด นอกจากนี้หากมีลิ่มเลือดในปอดก็อาจทำให้ผิวของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินได้เช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม – หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยจากความร้อนให้รวมสิ่งเหล่านี้ไว้ในอาหาร

3. รู้สึกเจ็บอย่างรุนแรง – หากมีคนเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงอย่างกะทันหันอาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าลิ่มเลือดในหลอดเลือดทำให้หัวใจวายหรือหากมีปัญหาก้อนในปอดเพิ่มขึ้น คือ. นอกจากนี้ยังสามารถรู้สึกเจ็บปวดที่มือเท้าหรือท้องเนื่องจากการแข็งตัวของเลือด

4. หายใจถี่ – นี่เป็นอาการร้ายแรงที่บ่งบอกว่ามีลิ่มเลือดในปอดหรือในหัวใจ ปัญหาในการหายใจอาจส่งผลให้เหงื่อออกมากเกินไปหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ

(หมายเหตุ: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ทุกครั้งก่อนดำเนินการแก้ไข Zee News ไม่อ้างความรับผิดชอบต่อข้อมูลนี้)

คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความเกี่ยวกับสุขภาพอื่น ๆ

Back to top button